Q
Suzuki Carry มีความปลอดภัยเพียงใด
Suzuki Carry มีความปลอดภัยในระดับที่น่าเชื่อถือ โดยติดตั้งระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อเกิดการชน ช่วยรองรับแรงกระแทกและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ ระบบเตือนคาดเข็มขัดยังส่งเสริมให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารคาดเข็มขัดทุกครั้งเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ตัวรถมีขนาดความยาว 4155 มิลลิเมตร กว้าง 1680 มิลลิเมตร สูง 1895 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2625 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสมเพื่อให้มีเสถียรภาพในการขับขี่ โดยใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมยางหน้าแบบ 185/R14C ที่ให้แรงยึดเกาะถนนดี ช่วยเพิ่มความมั่นคงและความปลอดภัยในการเดินทาง
ข้อความพิเศษ: เนื้อหานี้โพสต์โดยผู้ใช้ และไม่ได้แสดงถึงมุมมองและจุดยืนของ PCauto
Q&A เกี่ยวข้อง
Q
Suzuki Carry มีระยะทางกี่กิโลเมตรต่อลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยของ Suzuki Carry 1.6 ตามข้อมูลจากโรงงานอยู่ที่ 5.4 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร ซึ่งหมายความว่ารถรุ่นนี้สามารถวิ่งได้ประมาณ 18.52 กิโลเมตรต่อลิตร อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้เป็นเพียงข้อมูลจากการทดสอบในสภาวะที่ควบคุมอย่างเหมาะสมเท่านั้น โดยในสภาพการใช้งานจริง อัตราสิ้นเปลืองอาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการขับขี่ หากมีการเร่งความเร็วหรือเบรกอย่างรุนแรงบ่อยครั้ง รวมถึงการปล่อยให้เครื่องยนต์ติดอยู่ในขณะจอด จะทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้น ในทางตรงกันข้าม การขับขี่อย่างนุ่มนวลและเปลี่ยนเกียร์อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ สภาพถนนก็มีผลเช่นกัน หากใช้รถในพื้นที่การจราจรติดขัดที่ต้องหยุดและออกตัวบ่อย ๆ จะทำให้อัตราสิ้นเปลืองสูงขึ้น แต่หากขับขี่บนถนนโล่งหรือทางหลวงที่สามารถรักษาความเร็วคงที่ได้ รถก็จะมีอัตราสิ้นเปลืองที่ใกล้เคียงกับตัวเลขจากโรงงานมากขึ้น
Q
Suzuki Carry มีเรตติ้งความปลอดภัยเท่าไหร่
Suzuki Carry ในฐานะรถบรรทุกเชิงพาณิชย์รุ่นประหยัด มีการติดตั้งระบบความปลอดภัยและมาตรฐานความปลอดภัยที่ค่อนข้างพื้นฐาน รุ่นที่จำหน่ายในตลาดไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ผ่านการทดสอบความปลอดภัยการชนอย่างเป็นทางการจากสถาบันชั้นนำระดับสากล เช่น ASEAN NCAP หรือ Euro NCAP จึงไม่มีการจัดอันดับดาวความปลอดภัยอย่างชัดเจน รุ่นปัจจุบันของ Suzuki Carry ในไทยมีอุปกรณ์ความปลอดภัยพื้นฐาน ได้แก่ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (เฉพาะบางรุ่นย่อย) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และเซ็นเซอร์ถอยหลัง แต่ยังขาดเทคโนโลยีความปลอดภัยเชิงรุกขั้นสูง เช่น ระบบควบคุมเสถียรภาพรถ (ESC) หรือระบบเตือนออกนอกเลน รถบรรทุกเชิงพาณิชย์เน้นความสามารถในการบรรทุกและประหยัดน้ำมันเป็นหลักมากกว่าความปลอดภัยของผู้โดยสาร หากความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญ ควรพิจารณาเปรียบเทียบกับรถรุ่นอื่นที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัย เช่น Toyota Hilux หรือ Isuzu D-MAX หรือติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น กล้องมองหลัง และระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ในการขับขี่ประจำวัน ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการขับเร็วเกินกำหนดหรือบรรทุกเกินน้ำหนัก เพื่อชดเชยข้อจำกัดด้านระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะในสภาพจราจรที่ซับซ้อนของประเทศไทย การมีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยสำคัญกว่าการพึ่งพาระบบความปลอดภัยของรถยนต์อย่างเดียว
Q
Suzuki Carry เป็นรถขับเคลื่อนด้วยล้อหลังหรือไม่
ไม่ใช่ครับ 2020 รุ่น Suzuki Carry 1.6 เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า (ขับเคลื่อนล้อหน้า) ซึ่งแตกต่างจากรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อที่เคยมีในประวัติศาสตร์ของ Suzuki Carry โดย Suzuki Carry เริ่มผลิตตั้งแต่ปี 1961 เป็นรถบรรทุกขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ นอกจากรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าแล้ว ยังมีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) เช่น รุ่นแรกที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 1981 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เกียร์ธรรมดา 4 สปีดและกล่องส่งกำลังสองสปีดสำหรับกระจายกำลังไปยังล้อหน้าและล้อหลัง การขับเคลื่อนแต่ละแบบมีข้อดีเฉพาะตัว รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้ามีโครงสร้างเรียบง่าย ต้นทุนต่ำ และใช้พื้นที่ภายในรถได้ดี เหมาะกับการขับขี่บนถนนทั่วไปที่ให้ความคล่องตัวและประหยัดน้ำมัน ในขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะเหมาะกับเส้นทางวิบากและเพิ่มความสามารถในการผ่านอุปสรรคได้ดีกว่า
Q
ซูซูกิแครี่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือไม่
Suzuki Carry มีรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD) ด้วย โดย Suzuki Carry เริ่มผลิตและจำหน่ายตั้งแต่ปี 1961 มีประวัติยาวนานและมีรุ่นย่อยหลากหลาย รุ่น 4WD รุ่นแรกของ Suzuki Carry เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 1981 ที่ประเทศญี่ปุ่น ใช้รหัสตัวถัง ST31 และเป็นที่รู้จักในชื่อ Suzuki Truntung มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 2 จังหวะ F5A แบบ 3 สูบเรียง ความจุ 530 ซีซี กำลังส่งผ่านเกียร์ธรรมดา 4 สปีด และใช้กล่องส่งกำลังสองสปีดสำหรับการขับเคลื่อน 4 ล้อแบบความเร็วต่ำ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 1982 ได้มีรุ่นตู้สูง 4WD รหัสตัวถัง ST41 ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์รุ่นใหม่ F8A ความจุ 800 ซีซี ส่วนในปี 1995 Suzuki Carry รุ่นเครื่องยนต์ 657 ซีซี 3 สูบ พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ก็มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเช่นกัน และรุ่นล่าสุดอย่าง Super Carry ก็ยังคงมีระบบขับเคลื่อน 4WD เห็นได้ว่ารุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อในตระกูล Suzuki Carry มีมาอย่างต่อเนื่องและได้รับการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอ
Q
Suzuki Carry มีอายุขัยเท่าไหร่
ระยะเวลาการใช้งานของรถยนต์โดยทั่วไปมีวิธีคำนวณอยู่ 2 แบบ แบบแรกคือดูจากวันที่จดทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน อีกแบบคือดูจากวันผลิตรถซึ่งมักจะระบุไว้บนแผ่นป้ายของรถยนต์ โดยป้ายนี้มักติดตั้งอยู่ที่ห้องเครื่องยนต์หรือบริเวณขอบประตู สำหรับ Suzuki Carry รุ่นปี 2020 หากใช้รุ่นนี้เป็นเกณฑ์สมมติว่าเริ่มใช้งานหรือจดทะเบียนในช่วงเวลานั้น เมื่อถึงปี 2025 รถจะมีอายุใช้งานประมาณ 5 ปี อย่างไรก็ตาม หากต้องการทราบอายุใช้งานที่แม่นยำ ควรตรวจสอบวันที่จดทะเบียนหรือวันผลิตจริงของ Suzuki Carry คันนั้นโดยตรง อายุการใช้งานของรถมีความสำคัญเพราะส่งผลต่อสมรรถนะของรถ ราคาขายต่อ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา รถที่มีอายุมากกว่ามักจะต้องการการดูแลรักษาบ่อยขึ้นและมูลค่าตลาดมือสองจะต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรถที่ใหม่กว่า
Q
เครื่องยนต์ของ Suzuki Carry อยู่ที่ไหน
Suzuki Carry มีเครื่องยนต์วางอยู่ใต้เบาะผู้โดยสารในตำแหน่งวางเครื่องยนต์แบบวางกลางด้านหน้า การออกแบบรูปแบบนี้มีลักษณะและข้อดีหลายประการ โดยการวางเครื่องยนต์ในตำแหน่งด้านหน้าช่วยกระจายน้ำหนักรถระหว่างด้านหน้าและด้านหลังได้อย่างสมดุล ทำให้รถมีความมั่นคงและเชื่อถือได้มากขึ้นในขณะขับขี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการเลี้ยวและการเบรกที่สามารถให้การควบคุมที่ดีขึ้น นอกจากนี้การวางเครื่องยนต์ใต้เบาะยังช่วยใช้พื้นที่รถอย่างคุ้มค่าสูงสุด โดยเฉพาะสำหรับ Suzuki Carry ซึ่งเป็นรถกระบะขนาดเล็กเชิงพาณิชย์ ทำให้มีพื้นที่สำหรับบรรทุกสินค้าเพิ่มขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการในการขนส่งสินค้าในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Q
Suzuki Carry มีปริมาตรเท่าไหร่ cc
Suzuki Carry มีความจุกระบอกสูบ 1590 ซีซี ซึ่งเป็นความจุที่พบได้ทั่วไปในรถกระบะขนาดเล็ก โดยมีปริมาตรเครื่องยนต์ประมาณ 1.6 ลิตร เครื่องยนต์นี้สามารถมอบกำลังที่เหมาะสมเพียงพอสำหรับการใช้งานขนส่งสินค้าประจำวัน เครื่องยนต์แบบ 4 สูบคู่กับเกียร์ธรรมดา ช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างความประหยัดน้ำมันและการขับขี่ที่มีสมรรถนะดี โดยอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ช่วยลดต้นทุนในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งความเร็วสูงสุดของรถสามารถทำได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เหมาะสมกับการขับขี่ในสถานการณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าในเมืองหรืองานจัดส่งระยะสั้น Suzuki Carry จึงเป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการใช้งานจริงและความคุ้มค่าในด้านเศรษฐกิจอย่างดีเยี่ยม
Q
Suzuki Carry มีการบริโภคเชื้อเพลิงอย่างไร
Suzuki Carry มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นทางการที่ 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร โดยใช้เชื้อเพลิงประเภทน้ำมันเบนซิน อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในระดับนี้ทำให้รถมีความประหยัด เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันสำหรับเจ้าของรถได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่ใช้รถสำหรับขนส่งเชิงพาณิชย์ที่ต้องใช้งานบ่อยครั้ง จะช่วยลดความถี่ในการเติมน้ำมันและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างไรก็ตาม อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจริงอาจแตกต่างไปตามนิสัยการขับขี่ สภาพถนน และน้ำหนักบรรทุกของรถ เช่น การเร่งความเร็วอย่างรวดเร็ว การเบรกอย่างกะทันหัน หรือการจอดติดเครื่องนาน ๆ รวมถึงการบรรทุกน้ำหนักเต็มและการขับขี่ในสภาพการจราจรติดขัด ล้วนมีผลให้อัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงกว่าค่าที่ระบุไว้ในประกาศอย่างเป็นทางการได้เช่นกัน
Q
Suzuki Carry มีถุงลมนิรภัยหรือไม่
Suzuki Carry มาพร้อมถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ถุงลมนิรภัยถือเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยสำคัญ เมื่อเกิดการชน ถุงลมนิรภัยจะพองตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งถึงผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ สำหรับรุ่นนี้ เมื่อเกิดการชน ถุงลมนิรภัยทั้งฝั่งคนขับและผู้โดยสารจะทำงานทันทีเพื่อปกป้องผู้โดยสารทั้งสองคนภายในรถ อย่างไรก็ตาม ถุงลมนิรภัยจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่อใช้งานร่วมกับเข็มขัดนิรภัย ดังนั้น จึงควรคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างถูกต้องทุกครั้งที่โดยสาร เพื่อเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมของรถยนต์
Q
Suzuki Carry ราคาเท่าไหร่
2020 รุ่น Suzuki Carry 1.6 มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 385,000 บาท รถเพื่อการพาณิชย์รุ่นนี้ในช่วงราคานี้มาพร้อมฟังก์ชันเฉพาะตัวหลายอย่าง โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 5.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ตัวรถมีความยาว 4,155 มิลลิเมตร กว้าง 1,680 มิลลิเมตร สูง 1,895 มิลลิเมตร และมีฐานล้อ 2,625 มิลลิเมตร มอบพื้นที่ภายในรถที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน มีประตู 2 บาน และที่นั่ง 2 ที่นั่ง ใช้ถังน้ำมันขนาด 46 ลิตร ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร (1,590 ซีซี) 4 สูบ พร้อมระบบเกียร์ธรรมดา (MT) และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ด้านความปลอดภัยมาพร้อมระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยมาตรฐาน รวมถึงถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
Q&A ล่าสุด
Q
Toyota Yaris ATIV หนักกี่กิโลกรัม? ดูรายละเอียด
น้ำหนักของ Toyota Yaris ATIV ในตลาดประเทศไทยจะแตกต่างกันไปตามรุ่นย่อย รุ่นเกียร์ธรรมดาจะหนักประมาณ 1,060–1,080 กิโลกรัม ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งเป็นรุ่นที่นิยมมากกว่า จะอยู่ที่ประมาณ 1,090–1,120 กิโลกรัม ความแตกต่างของน้ำหนักนี้มาจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งในแต่ละรุ่น เช่น รุ่นท็อปที่มีถุงลมนิรภัย 6 จุด หรือหน้าจอสัมผัสระบบมัลติมีเดีย ก็จะมีน้ำหนักมากกว่ารุ่นพื้นฐานเล็กน้อย
เมื่อเปรียบเทียบกับรถในระดับเดียวกัน เช่น Honda City (ประมาณ 1,100–1,150 กิโลกรัม) หรือ Nissan Almera (ประมาณ 1,080–1,120 กิโลกรัม) จะเห็นว่า Yaris ATIV มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในเมืองที่รถติดบ่อยอย่างในกรุงเทพฯ ช่วยให้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรตอบสนองได้ดี และประหยัดน้ำมัน (เฉลี่ยประมาณ 15–18 กม./ลิตร)
อีกจุดที่น่าสนใจคือ วิศวกรโตโยต้าได้ออกแบบวัสดุของตัวถังให้รองรับอุณหภูมิสูงตามสภาพอากาศเมืองไทยได้ดี แม้รถจะเบาแต่โครงสร้างยังแข็งแรง เพราะใช้เทคโนโลยี GOA ที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับ 5 ดาวของ ASEAN NCAP มาแล้ว
Q
ราคาเบี้ยประกันของ Toyota Yaris ATIVประมาณเท่าไหร่? คุณควรต้องจ่ายประมาณกี่บาท
ค่าเบี้ยประกันของ Toyota Yaris ATIV โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณปีละ 15,000 ถึง 25,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกัน (เช่น ประกันชั้น 1, ชั้น 2 หรือชั้น 3) รวมถึงอายุผู้ขับขี่ ประสบการณ์การขับขี่ และพื้นที่ที่อยู่อาศัย เช่น ในกรุงเทพฯ ค่าเบี้ยจะสูงกว่าต่างจังหวัดเล็กน้อย เพราะมีความเสี่ยงจากการจราจรและอุบัติเหตุมากกว่า
หากเลือกทำประกันชั้น 1 ซึ่งคุ้มครองครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุ การโจรกรรม และภัยธรรมชาติ ราคาจะอยู่ใกล้เคียง 25,000 บาท ส่วนประกันชั้น 2 หรือชั้น 3 ที่คุ้มครองน้อยกว่าจะมีราคาอยู่ประมาณ 15,000 - 20,000 บาท
นอกจากนี้ บางบริษัทประกันยังมีส่วนลดเบี้ยประกันกรณีไม่มีการเคลมในปีที่ผ่านมา (No Claim Bonus) ทำให้เบี้ยลดลงในปีถัดไปอีกด้วย สำหรับ Yaris ATIV ซึ่งเป็นรถยอดนิยมในไทย อะไหล่หาง่าย ค่าซ่อมไม่แพง ทำให้ค่าเบี้ยประกันถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่สูงเหมือนรถนำเข้า
แนะนำว่าควรเปรียบเทียบราคาจากหลายบริษัท และเลือกแบบที่มีบริการเสริม เช่น บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือรถยก เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด
Q
Toyota Yaris ATIV มีขนาดเท่าไหร่? มาดูรายละเอียด
Toyota Yaris ATIV มีขนาดตัวถังยาว 4,425 มม. กว้าง 1,740 มม. และสูง 1,480 มม. โดยมีระยะฐานล้อ 2,620 มม. ขนาดแบบนี้ทำให้รถคล่องตัวเวลาใช้งานในเมือง ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่หรือลานจอดรถก็ทำได้ง่ายขึ้น ฐานล้อยาวช่วยเพิ่มพื้นที่ภายในห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ทำให้นั่งสบายมากขึ้น
เมื่อดูจากสัดส่วนของตัวรถแล้ว ถือว่ามีการจัดวางพื้นที่อย่างลงตัว ทั้งด้านความสวยงามภายนอกและการใช้งานภายใน ไม่ว่าจะขับไปทำงานในเมืองหรือพาครอบครัวไปเที่ยว ก็รองรับได้สบายทั้งคนและของ ใช้งานได้จริงและยังคงความสะดวกสบายไว้อย่างครบถ้วน
Q
พื้นที่เก็บของด้านท้าย (ท้ายรถ) ของ Toyota Yaris ATIV กว้างขนาดไหน?
Toyota Yaris ATIV มีปริมาตรกระโปรงหลังเพียง 272 ลิตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เมื่อพับเบาะหลังลง полностью ความลึกจะเพิ่มขึ้นถึง 1,430 มม. ทำให้สามารถขนส่งสิ่งของขนาดใหญ่ได้ แต่ต้องระวังเรื่องช่องว่างระหว่างเบาะกับกระโปรงที่ค่อนข้างกว้าง อาจทำให้การบรรทุกสิ่งของทรงยาวไม่สะดวกนัก แม้ว่าพื้นที่เก็บของจะไม่ใช่จุดเด่น แต่ถ้าใช้งานอย่างเหมาะสม ก็ยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งหรือทริปสั้นๆ เช่น สามารถใส่กระเป๋าเดินทางขนาดปกติหรือของใช้ทั่วไปได้สบายๆ
Q
ค่าบำรุงรักษา Toyota Yaris ATIV ประมาณเท่าไหร่? มาดูรายละเอียด
ค่าบำรุงรักษาปกติของ Toyota Yaris ATIV จะอยู่ที่ประมาณ 2,000–3,000 บาท ซึ่งรวมถึงค่าน้ำมันเครื่อง (แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ของ Toyota เบอร์ 0W-20 หรือ 5W-30 ที่เหมาะกับอากาศร้อนของไทย) ค่ากรองน้ำมันเครื่อง และค่าตรวจเช็กพื้นฐานต่างๆ โดยศูนย์บริการ Toyota ในไทยแนะนำให้เข้ารับบริการทุกๆ 10,000 กิโลเมตร หรือทุก 6 เดือน เพื่อให้รถอยู่ในสภาพที่ดีเสมอ
นอกจากนี้ ในช่วงก่อนและหลังฤดูฝน ควรตรวจเช็กระบบแอร์และเบรกเป็นพิเศษ ซึ่งบริการส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมประมาณ 500–800 บาท
เมื่อเทียบกับรถในระดับเดียวกัน Yaris ATIV ถือว่ามีค่าบำรุงรักษาที่ประหยัด เพราะ Toyota มีระบบอะไหล่และบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ มีศูนย์บริการมาตรฐานกว่า 150 แห่งทั่วไทย ทำให้เจ้าของรถมั่นใจได้ทั้งเรื่องราคาและคุณภาพการดูแล อีกทั้งยังตอบโจทย์การใช้งานบนถนนเมืองไทยที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี
ดูเพิ่มเติมข่าวที่เกี่ยวข้อง

Suzukiเปิดตัว Jimny รุ่นลิมิเต็ดในฝรั่งเศส วางจำหน่ายเพียง 55 คันเท่านั้น
AshleyJun 20, 2025

6 เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม ซื้อ SUZUKI SWIFT รับสิทธิพิเศษผ่อนชำระและบริการบำรุงรักษา 7 ปี
AshleyJun 4, 2025

Suzuki Swift Sport รุ่นปรับโฉมใหม่ เตรียมมาพร้อมเครื่องยนต์เทอร์โบ 1.4 ลิตรที่พัฒนาใหม่ทั้งหมด
LienJun 3, 2025

Suzuki Fronx จะเปิดตัวในประเทศไทยในเดือนกันยายน 2025 สำหรับการเดินทางรายวันและการท่องเที่ยวครั้งคราว
Kevin WongMay 30, 2025

Suzuki ประกาศว่าจะนำเข้ารถยนต์ใหม่สองรุ่นในปีนี้ เพื่อเพิ่มยอดขายในประเทศให้สูงขึ้นถึง 41%
LienFeb 20, 2025
ดูเพิ่มเติม
ข้อดี
ข้อเสีย